มหาพีระมิดแห่งอียิปต์



    มหาพีระมิดแห่งอียิปต์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ยุคโบราณ เพียงสิ่งเดียวที่ยังคงสภาพเกือบสมบูรณ์เหมือนในอดีต ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไนล์ ณ เมืองกิเซย์ ตอนเหนือของกรุงไคโร เมืองหลวงของประเทศอียิปต์ ประกอบไปด้วยพีระมิดใหญ่ 3 องค์ คือ พีระมิดที่บรรจุพระศพของฟาโรห์ คีออปส์ (Cheops) คีเฟรน ( Chephren) และไมเซอรินัส (Mycerinus) จากพีระมิดทั้ง 3 แห่งนี้ พีระมิดคีออปส์เป็นพีระมิดที่ใหญ่ที่สุด สร้างขึ้นมาเมื่อประมาณ 2,570 ปีก่อนคริสตกาล พีระมิดแห่งนี้เดิมมีความสูง 481.4 ฟุต แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 450 ฟุต  ฐานของพีระมิดครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 30 กว่าไร่ หรือกว้างประมาณ 768 ฟุต สร้างขึ้นโดยนำหินมาตัดเป็นรูปสี่เหลี่ยม หนักประมาณก้อนละ 2-15 ตันจากนั้นจึงนำเอาหินดังกล่าวมาเรียงซ้อนกันขึ้นไปเป็นทรงกรวยพีระมิด รวมแล้วต้องใช้หินจำนวนไม่น้อยกว่า 2,500,000 ก้อน มีน้ำหนักรวมกว่า 6,000,000 ตัน ฐานของพีระมิดกินพื้นที่ถึง 12 เอเคอร์ หรือราว 20 ไร่ การสร้างพีระมิดตั้งแรกเริ่มจนแล้วเสร็จต้องใช้แรงงานททาสและกรรมกรประมาณ 100,000 คน รวมระยะเวลาที่ใช้ในการก่อสร้างประมาณ 10 ปี  ส่วนพีระมิดเฟรนหรือพีระมิดรูปสฟิงซ์ เป็นพีระมิดที่สร้างขึ้นมาจากหินปูนสีขาวแกะสลักเป็นรูปคนครึ่งราชสีห์ โดยมีใบหน้าเป็นคนและมีตัวเป็นราชสีห์ สลักอยู่ในท่าหมอบเฝ้าหน้าพีระมิดคีออปส์ มีความสูงประมาณ 66 ฟุต ด้านหลักการสร้างพีระมิดได้มีผู้สันนิษฐานว่า ผู้สร้างได้อาศัยดวงดาวเป็นหลักในการคิดคำนวณ โดยเริ่มจากการหาสถานที่ที่เหมาะสมแล้วอาศัยดวงดาวช่วยในการวางรากฐาน ดังนั้นจึงพบว่าฐานทั้งสี่ด้านของฐานพีระมิดเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสจะหันไปทางทิศเหนือ ทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศตะวันตก เมื่อวางรากฐานเรียบร้อยแล้วก็จะเริ่มก่อพีระมิดเป็นชั้นๆสูงขึ้นไป โดยเริ่มต้นจากจุดศูนย์กลางออกไปด้านนอก ฉะนั้นนอกจากความใหญ่โตงดงามอันน่ามหัศจรรย์ของพีนะมิดแล้ว วิธีการก่อสร้างพีระมิดให้สำเร็จยังกล่าวได้ว่าน่ามหัศจรรย์ยิ่งกว่าหลายเท่า เพราะหินที่นำมาสร้างสกัดมาจากภูเขาที่อยู่ไกล จากนั้นจึงลากลงมายังฝั่งแม่น้ำไนล์ และล่องแม่น้ำไนล์มาเป็นระยะนับร้อยไมล์ จนมาถึงจุดใกล้ที่ก่อสร้างจึงชักลากผ่านทะเลทรายไปยังสถานที่ที่ก่อสร้าง หินที่ได้มาแต่ละก้อนนั้นจะได้รับการสลักตกแต่งจนเป็นแท่งสี่เหลี่ยมแล้วยกวางซ้อนขึ้นไปจนถึง 432 ฟุต  ส่วนใจกลางพีระมิดเป็นห้องเก็บพระศพของพระเจ้าคีออปส์ สร้างจากหินแกรนิต กว้าง 34 ฟุต ยาว 17 ฟุตและสูง 19 ฟุต หีบพระศพของพระเจ้าคีออปส์ทำด้วยหินแกรนิตเช่นกัน ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของห้องพีระมิดของพระเจ้าคีออปส์ล้อมรอบไปด้วยหลุมศพและพีระมิดเล็กๆอีก 3 แห่ง ซึ่งเป็นที่เก็บพระศพของสมาชิกในราชวงศ์และข้าราชการในราชสำนัก  ความสำคัญของพีระมิดคือเป็นสถานที่ที่สร้างขึ้นสำหรับเก็บพระบรมศพของกษัตริย์แห่งอียิปต์โบราณ ขนาดของพีระมิดจะขึ้นอยู่กับความสำคัญของพระศพที่บรรจุจะอยู่ภายใน กล่าวคือ ถ้าเป็นศพของกษัตริย์องค์สำคัญก็จะสร้างพีระมิดที่ใหญ่โต แต่หากเป็นศพของคนที่ไม่สำคัญนักพีระมิดก็จะมีขนาดเล็กลงตามลำดับ  ชาวอียิปต์โบราณเชื่อเรื่อง ชีวิตหลังความตายและเพื่อให้ดวงวิญญาณกษัตริย์ของพวกเขามีทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับโลกหน้าจึงได้ฝังทรัพย์สินและสิ่งของส่วนพระองค์ไปพร้อมกัน ดังจะเห็นจากหลักฐานที่นักโบราณคดีค้นพบเป็นจำนวนมากในห้องเก็บสมบัติในพีระมิด ได้แก่ เพชรพลอย อาหาร เครื่องเรือน เครื่องดนตรี และอุปกรณ์ล่าสัตว์ รวมถึงหนังสือที่เขียนประวัติผู้ตายจารึกด้วยภาษาอียิปต์ลงบนกระดานปาปิรุส ที่เรียกว่า หนังสือของคนตาย” (Book of the Dead)  จากความยากลำบากในการสร้างและความยิ่งใหญ่งดงามอลังการจนยากที่จะเชื่อได้ว่า พีระมิดแห่งนี้สร้างขึ้นมาจากมือของมนุษย์ธรรมดา นับเป็นเหตุผลที่เหมาะสมยิ่งที่ทำให้มหาพีระมิดแห่งอียิปต์ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกโดยไม่มีใครคัดค้าน มหารูปแห่งโรดส์ (อังกฤษ: Colossus of Rhodes) เป็นเทวรูปขนาดใหญ่ของเทพเฮลิออส หรือ อพอลโล เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก จัดอยู่ในยุคเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ ร่วมสมัยกับประภาคารฟาโรสแห่งอเล็กซานเดรีย มหารูปแห่งโรดส์สร้างมาจากสำริด เป็นเทวรูปของสุริยเทพอพอลโล ซึ่งเป็นหนึ่งในเทวสภาโอลิมปัส มีความสูงประมาณ 100 ฟุต (30 เมตร) มือขวาถือประทีป ประดิษฐานบนฐานทั้งสองข้างของปากอ่าวทางเข้าท่าเรือของเกาะโรดส์ ในทะเลอีเจียน ยืนถ่างขาคร่อมปากอ่าวให้เรือลอดไปมาได้ มหารูปนี้สร้างขึ้นโดย ชาเรสแห่งลินดอส ซึ่งเป็นประติมากรชาวกรีก ในราว 280 ปี ก่อนคริสต์กาล ใช้เวลาสร้างประมาณ 12 ปี มีอายุยืนอยู่ได้ประมาณ 60 ปี ก่อนจะพังทลายลงด้วยแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เมื่อ 226 ปี ก่อนคริสต์กาล ซากชิ้นส่วนของมหารูปได้ถูกปล่อยปละละเลยไม่มีใครดูแล จนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 10 ซากที่เหลืออยู่ถูกขายให้แก่ชาวเมืองซาราเซน ไปทำอาวุธในการทำสงครามครูเสดจนหมด จนถึงปัจจุบันไม่มีเหลือซากของมหารูปนี้หลงเหลืออยู่แล้ว